แชร์ประสบการณ์การคลอดเอง ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า Parts 2

ตามความตั้งใจ เราตั้งใจจะคลอดเอง เพราะคลอดธรรมชาติมาแล้ว 2 คน ท้องนี้ก็เลยคิดว่าจะคลอดเองเหมือนเดิม ดังนั้น ก็สังเกตอาการตัวเองตลอด ว่าถ้ามีอาการดังนี้ เตรียมไปโรงพยาบาลได้ เช่น มีเลือดออกมั้ย (2 ท้องที่แล้ว ปวดท้องตอนกลางคืน แล้วมีเลือดซึม)​ ปวดท้องถี่ๆ หรือมีน้ำเดินหรือเปล่า

รอแล้วรอเล่า ใจอยากคลอดแล้ว เพราะอึดอัด จนมาถึง 39 สัปดาห์ กับอีก 3 วัน ก็คือ วันศุกร์ วันนั้นไปนอนคอนโด ก็หลับอยู่ก็มีอาการน้ำเดิน ช่วงประมาณ ตี 1 กว่าๆ แต่ไม่ได้ไหลโจ๊กเหมือนภาพที่เคยนึกมา มันแค่เป็นน้ำออกมาพร้อมเลือดจำนวนนึง ซึ่งไม่ใช่ฉี่แน่ๆ มันไหลออกมาเลอะกางเกง ดีที่สปริงตัวออกมาจากที่นอนทัน
ไม่งั้นงานงอกทำความสะอาดที่นอนอีก

พอเข้าห้องน้ำแล้ว ก็อาบน้ำ สระผม ซักกางเกง เรียบร้อย เดินไปปลุกพี่โอ๊ตอีกห้อง เพราะช่วงประมาณ เที่ยงคืน โอโซน เพิ่งมาเรียกพี่โอ๊ตไปนอนด้วย บอกน่าจะนำ้เดินนะ พี่โอ๊ตก็สปริงตัวขึ้นมาเหมือนกัน 555 แล้วก็อาบน้ำเรียบร้อย โอโซนก็ตื่นด้วย พอเสร็จแล้วก็อพยบกันไปที่บ้านก่อน
ไปส่งเด็กๆ พอถึงบ้าน แพคของให้ลูกค้าก่อน 1 กล่อง หยิบกระเป๋าที่จัดไว้ แล้วก็ไปโรงพยาบาล
อ้อ ช่วงใกล้คลอดนี้ สิ่งที่ต้องติดตัวตลอดคือ สมุดนัดของ ร.พ.

มาถึงโรงพยาบาล ประมาณเกือบ ตี 4 ขึ้นไปตึกพัชรกิติยาภา ชั้น 3 ก็กดออดเรียกเจ้าหน้าที่ แล้วก็เข้าห้องไป เจ้าหน้าที่จะถามก่อนว่า อาการเป็นยังไง บอกน้ำเดิน เค้าก็ให้เข้าห้องไปนอนรอ ที่เตียงสังเกตอาการก่อน เราจะเข้าไปแต่ตัวเปล่า ห้ามมีของมีค่าใดๆ ติดตัวไป ญาติให้นั่งรอที่ห้องญาติข้างนอกด้านหน้าพักนึงก่อน

พอเข้าไปเปลี่ยนท่อนล่างเป็นแนวผ้าถุง แล้วก็จะมีพยาบาล แล้วก็นักเรียนพยาบาลมาสอบถามอาการ ซักประวัติ ว่าเป็นยังไงบ้าง เช่น เจ็บระดับไหน 1-10 แล้วก็มาจับดูว่าเราท้องแข็งทุกกี่นาทีแล้ว และห่างกันกี่นาที ส่วนอาการน้ำเดิน ก็มีออกมาซึมเรื่อยๆ

ซักพักนึง คุณหมอที่อยู่ประจำห้องคลอด ก็มาตรวจภายใน ว่าปากมดลูกเปิดกี่เซนติเมตรแล้ว ตอนนั้นประมาณ 2 เซน ได้ แล้วคุณพยาบาล ก็ให้โอกาสคุยกับญาติแป๊บนึง พร้อมกับให้เอาเสื้อผ้า กลับไปด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าเดี๋ยวคลอดแล้วจะโทรไปแจ้ง คุณพ่อไม่ต้องรอค่ะ ถ้าต้องการอยู่ห้องพิเศษก็แจ้งตั้งแต่ตอนนี้ เดี๋ยวเค้าจะประสานงานดูห้องให้

นักเรียนพยาบาลที่ดูเคสเรา เค้าก็จะช่วยทำความสะอาดโกนขนออกให้ แล้วก็สวนน้ำเข้าไปเพื่อเตรียมถ่ายท้อง คุณพยาบาลจะบอกให้รอจนกว่าจะทนไม่ไหวแล้วค่อยถ่ายท้องทีเดียวนะคะ แล้วก็ให้ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า จนถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปนอนรอที่ห้องรอคลอดละทีนี้

พอเข้าบริเวณห้องรอคลอด ตอนนี้คือนอนรออย่างเดียวแล้วค่ะ ไม่สามารถจะลุกเข้าห้องน้ำได้อีกแล้ว เพราะจะติดเครื่องฟังเสียงหัวใจ เจาะเข็มใส่น้ำเกลือ ถ้าจะฉี่ ต้องใช้กระโถนรองอย่างเดียวแล้ว

ในห้องรอคลอดจะมีหลายเตียงรอบห้องเลย แล้วก็มีโต๊ะของคุณหมอ คุณพยาบาลอยู่ตรงกลาง ช่วงประมาณ 7.00-8.00 น. จะมีการเปลี่ยนเวรมั้ง แล้วก็นักเรียนแพทย์จะขึ้นมาประมาณเวลานี้ ช่วงนี้เสียงก็จะค่อนข้างดังหน่อย

เราก็นอนรอไป จังหวะนี้ก็จะมีนักเรียนแพทย์ มาสอบถามอาการบ้าง มาลองจับประเมินว่าท้องแข็งเป็นยังไงบ้าง ท้องแข็งนานขึ้น (duration ) ประมาณ 1-2 นาทีได้ ถี่ขึ้น จนเป็นทุกๆ 7-10 นาที (interval)
(คุณหมอนักเรียนแพทย์ หล่ออยู่นะ 555)

ช่วงนอนรอนอนไม่หลับนะ มันปวดท้อง แล้วก็เมื่อย เลยต้องนอนตะแคงเอา
ซักเวลาประมาณ 8.15 น. ได้ คุณหมอมาตรวจภายใน บอกปากมดลูกเปิดแล้ว 5 ซ.ม. ทนไหวมั้ย หรืออยากได้ยาแก้ปวด เพราะถ้าเป็น 7-8 ซ.ม. จะรับยาไม่ได้แล้ว ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาจำได้ว่า ถ้า 5 ซ.ม. คือ อีกเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมงอ่ะ กว่าจะครบ 10 เซน เลยตัดสินใจบอกเอาค่ะ คุณพยาบาลก็ไปเตรียมยาแก้ปวดมา แล้วก็เอาผ้าปิดตา เพราะผลข้างเคียงยา คือจะเวียนหัว หน้ามืดได้ แล้วก็ฉีดยาเข้าทางน้ำเกลือ

พอรับยาเสร็จ ไม่นาน ไม่ถึง 5 นาทีแน่ๆ คุณพยาบาลก็มาดูอาการ ปรากฎว่า เฮ้ย ปวดท้องเหมือนจะคลอด มันเหมือนจะถ่ายตลอดเวลา เลยบอกปวดท้องค่ะ น่าจะคลอดแล้วล่ะ ไม่ไหวแล้ว จะคลอดแล้ว เริ่มโวยวายนิดนึง ว่าไม่ไหวๆ จะคลอด

คุณพยาบาลบอกหายใจลึกๆค่ะ เออ ตอนนั้นลืมตัว หายใจถี่อยู่ ก็ต้องพยายามหายใจลึกๆ คุณหมอก็รีบเข้ามาตรวจภายใน เปิดครบแล้วจ้า 10 ซ.ม.
คุณหมอก็จะบอก “ฟูลลี่ค่า” จากนั้นก็จะเป็นความวุ่นวายของเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล เตรียมอุปกรณ์ ช่วงที่ยังไม่เข้าห้องคลอด คุณพยาบาลจะให้ซ้อมเบ่งก่อน 2 ครั้งมั้ง

แล้วก็เข็นเตียงไปที่ห้องทำคลอด ด้านในอีกที คุณหมอก็จะใส่เสื้อทำคลอด เจ้าหน้าที่แปลงร่างเตียง แล้วก็จับขาเราดันขอบเตียงไว้ คุณหมอฉีดยาชา ตรงนั้น ก็เจ็บนิดนึง แล้วคุณพยาบาลก็จะช่วยเชียร์เบ่ง จำได้ว่าเบ่งอีก 2 ครั้ง ก็ออกมาแล้ว เร็วเว่อร์ คุณหมอเด็กรวมถึงนักเรียนแพทย์พยาบาล (ไม่เยอะ)​ ก็จะขานเวลาคลอด แล้วก็บอกน้ำหนักเด็ก

แล้วคุณหมอก็จะทำคลอดรกต่อ ขานเวลารกคลอดอีกครั้ง

พอคลอดเสร็จหายปวดท้องนะ แล้วคุณหมอก็เย็บแผล เราก็ลืมตัวเกร็งตลอด คุณหมอต้องคอยบอกว่าอย่าเกร็ง ตอนเย็บก็รู้สึกเจ็บนิดนึง แต่ในระดับที่ทนได้

พอเย็บแผลเสร็จแล้ว ก็จะเข็นออกมาที่ห้องรอคลอดเพื่อดูอาการก่อนว่าจะตกเลือดมั้ย ประมาณ 1 ชั่วโมง
สำหรับเด็กน้อย ถูกแยกไป เนื่องจากว่าเรารับยาแก้ปวดไป และยังไม่ถึง 1 ชั่วโมง ต้องสังเกตอาการว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นเคสปกติ เด็กน้อยจะใส่ตู้นอนสำหรับเด็กวางไว้ข้างเตียงแม่

คุณพยาบาล และนักเรียนพยาบาลที่ดูแลเคสเรา ก็จะมาคอยดูแลเราระหว่างนี้ อันนี้เท่าที่จำมาได้นะคะ คุณพยาบาลจะบอกให้ เราต้องคลึงมดลูกนะ อย่าให้ลอย คลึงไปเรื่อยๆ พอมดลูกแข็งก็พัก แล้วซักพักก็ค่อยคลึงใหม่
หลังจากคลอดห้ามลุกจากเตียงภายใน 6 ชั่วโมง เพราะอาจมีอาการเวียนหัว หน้ามืดได้ และต้องพยายามฉี่ให้ได้ ไม่งั้น ฉี่เต็มกระเพาะปัสสาวะแล้วจะดันหมดลูกให้สูงขึ้นทำให้เกิดภาวะตกเลือดได้

คุณหมอที่เราฝากคลอดก็ขึ้นมาเยี่ยมตอนประมาณ 10-11.00 น. เพราะติดประชุม เลยไม่ได้มาทำคลอดให้ เพราะของเราคือเร็วมาก จริงๆ แล้วควรจะคลอดช่วง 11.00 น. หรือเที่ยง

อาหารตอนนี้ให้เลือกระหว่างข้าวต้ม หรือโอวัลติน ขนมปัง เนย แยม เราเลือกโอวัลตินร้อน ขนมปัง พอครบ 1 ชั่วโมง ก็จะย้ายขึ้นไปห้องพัก ตอนแรกไม่ได้ห้องพักเดียว ได้เป็นห้องพิเศษคู่ ก็ลงจากเตียงมานั่งรถเข็น เจ้าหน้าที่เข็นขึ้นไปห้องพัก ญาติมารอหน้าห้องแล้วตอนนี้

สำหรับห้องพิเศษคู่ ห้องพิเศษเดี่ยว จะอยู่ชั้น 6 ห้องธรรมดาจะอยู่ชั้น 4
ก็ขึ้นมาพักที่ห้องพิเศษคู่ก่อน ห้องพิเศษคู่ คือมีเตียง 2 เตียง แต่ห้องน้ำ 1 ห้องใช้ร่วมกัน คนเฝ้าจะได้แค่ผู้หญิง 1 คน อายุไม่เกิน 60 ปี สามีเฝ้าห้องนี้ไม่ได้ พออยู่ไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง คุณพยาบาลบอกว่าได้ห้องเดี่ยวแล้ว เดี๋ยวย้ายไปห้องเดี่ยวค่ะ

พอย้ายไปห้องเดี่ยว ห้องนี้ก็ใหญ่หน่อย สามีเฝ้าได้ มีตู้เย็น อ่างล้างจาน โซฟาให้ 2 อัน (นั่ง 1 และ นอน 1 ) ทีวี พอครบ 6 ชั่วโมง ก็สามารถลงจากเตียงได้ละ เจ็บแผลเล็กน้อย แต่ไม่ได้มากอะไร

สำหรับอุปกรณ์ ของใช้ส่วนตัวต้องเตรียมมาเอง ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างขวดนม สก็อตไบรท์ ทิชชู่ ทุกอย่างซื้อไ้ด้ที่ 7-11 ด้านล่าง
ผ้าอนามัยช่วงหลังคลอดพยาบาลจะให้ญาติไปซื้อแบบห่วงมาใช้ แต่มันไม่ถนัดเอาซะเลย ดีที่สั่งซื้อผ้าอนามัยแบบกางเกงมา จาก shopee ล่วงหน้า มันดีมากจริงๆ สะดวก และรับน้ำคาวปลาได้เยอะ ไม่เลอะเทอะ

วันแรกก็กินข้าวกลางวัน กับเย็น พักผ่อน 1 คืน เด็กน้อยยังไม่มาเพราะสังเกตอาการอยู่ คุณพยาบาลจะพามาให้วันรุ่งขึ้น เราได้นอนพัก 1 คืน
วันแรกจะมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าตั้งชื่อลูกได้หรือยัง เค้าจะไปทำแจ้งเกิด ก็หาชื่อลูกไป แล้วก็ให้ชื่อในวันรุ่งขึ้น

ตอนเช้าวันที่ 2 ไม่เกิน 9.00 น. คุณหมอพร้อมนักเรียนแพทย์ 2 คนก็จะมาตรวจแผล ว่าแผลดีมั้ยแห้งดีมั้ย ถามอาการโดยรวม

สำหรับที่นี่ ถ้ารับเด็กน้อยมาอยู่ด้วยแล้ว จะอยู่กับเราตลอด ไม่มีว่าไปพักห้องเด็กกลางคืน กลางวันให้แม่ฝึกเลี้ยง อยู่แล้วอยู่เลย อยู่กันยาวๆ

วันรุ่งขึ้นพยาบาลแจ้งว่าให้ไปรับตัวลูก พอไปรับปรากฎตัวเย็น อุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ก็เลยต้องกลับไปห้องเนิสต่ออีกซักระยะ กว่าจะได้ตัวกลับมาก็ตอนบ่ายๆ

พอรับลูกมาอยู่ด้วยกัน ก็ฝึกเข้าเต้า ปรากฎ หัวนมแตก เพราะว่าเราลองปั๊มนมเมื่อคืนแรกดู สงสัยเครื่องดูดแรง มันเลยเจ็บ พอเอาลูกเข้าเต้า หัวนมใหญ่ เลยงับไม่ถูก เจ็บมากๆ ปัญหาหัวนมแตกนี้เป็นนานเลย กว่าลูกจะอมลานนมได้เกือบ 2 สัปดาห์

คุณพยาบาลจะมีสอนวิธีเอาเข้าเต้า วิธีอาบน้ำ คืนแรกที่ลูกมาอยู่ด้วย ไม่ได้นอนเลยจ้า ดูดๆ หลับๆ เพราะที่นี่เค้าจะเช็คฉี่ อึ ของเด็กตลอดเวลา เพื่อดูว่าเด็กได้นมพอหรือเปล่า ถ้าฉี่แสดงว่าได้นมส่วนหน้าไป ถ้าอึกแสดงว่าได้นมส่วนหลัง แต่นี่อยู่ด้วยกันมา 1 วัน ไม่ฉี่ไม่อึ ตอนกลางคืน คุณพยาบาลเลยพาไปป้อนนมเสริม จากนั้นก็มีอึออกมา แค่คืนที่ 2 แม่ก็แฮงค์แล้วค่ะ ไม่ได้นอนทั้งคืน

พอวันที่ 3 หลังจากคุณหมอมาตรวจแล้วก็บอก กลับบ้านได้ พยาบาลมารับตัวเด็กไปดูอาการหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ 10.00 น. เช่น ค่าตัวเหลือง และอื่นๆ
ระหว่างนี้ ก็เคลียร์ค่าใช้จ่าย เก็บของ เนื่องจากวันที่ออกจาก ร.พ. เป็นวันอาทิตย์ จะต้องไปจ่ายเงินอีกตึกนึง ใกล้ตึกฉุกเฉินด้านหน้า ถ้าเป็นวันปกติ จะจ่ายได้ที่ตึกนี้ ชั้น 1

ค่าใช้จ่ายมีทั้งของเด็ก และของแม่แยกกัน จ่ายแยกกัน 2 รอบ อันนี้สามีแอบบ่น มันไม่สะดวก และเดินไกลพอควร แถมตอนจ่ายของลูก บอกชื่อไป เจ้าหน้าที่หยิบมาให้ผิดอีก ต้องเดิน 2 รอบ สรุปเดินจ่ายตังค์ 3 รอบ

เจ้าหน้าที่ก็จะเอาใบสูติบัตรมาให้ในวันนี้ เราต้องไปแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านเอง

พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ก็ไปที่ชั้น 4 ห้องเนิส เพื่อรับเด็ก เราต้องเตรียมชุดลูกพร้อมผ้าห่อตัว ไปให้พยาบาลด้วย พยาบาล จะสอนวิธีเช็ดสะดือ แล้วก็ทำนัดสำหรับตรวจครบ 1 สัปดาห์ พอรับแล้วก็กลับบ้านได้

จบแล้วค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ โชคดีมากที่ลูกไม่ได้เป็นอะไรเยอะ ก็เลยกลับบ้านได้ปกติ เพราะท้องที่แล้ว คนที่ 2 อยู่ตู้อบ 1 สัปดาห์ เลยเลือกที่จะคลอดกับ ร.พ.รัฐบาลค่ะ เพราะเผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เรายังไหวค่ะ

#คลอดเอง #คลอดธรรมชาติ #โรงพยาบาลพระมงกุฎ
#ห้องคลอด

รูปห้องอาจจะไม่สวยเท่าไหร่ ใช้มือถือถ่าย ไม่ได้เอากล้องมาเลยค่ะ

ห้องพิเศษคู่ที่ได้อยู่ในตอนแรก

ห้องพิเศษคู่ที่ได้อยู่ในตอนแรก

ห้องพิเศษเดี่ยว

เตียงที่ห้องพิเศษเดี่ยว

อาหาร

ข้าวต้ม

2 thoughts on “แชร์ประสบการณ์การคลอดเอง ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า Parts 2

  1. maprangg says:

    อยากสอบถามค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันคลอดได้มั้ยคะว่ารวมทั้งหมดเท่าไหร่ อยากจองห้องพิเศษไว้

Comments are closed.