สมัยนี้เอะอะอะไรก็ต้องดีท็อกซ์ล้างพิษ เพื่อผิวพรรณที่สวยงามและมีสุขภาพที่ดี แต่ก็มีหลายเสียงกลับบอกว่าดีท็อกซ์แท้จริงกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วอย่างนี้เราควรดีท็อกซ์กันดีมั้ยล่ะ
นักร้องอินเตอร์อย่าง บียอนเซ่ ยอมทำดีท็อกซ์ด้วยการดื่มแต่น้ำมะนาวเพื่อให้น้ำหนักตัวลด จะได้ฟิตกับบทบาทในเรื่อง “Dream Girls” หรือ กวินเน็ธ พัลโทรว์ ผู้รักสุขภาพเยี่ยงชีวิตทำดีท็อกซ์ด้วยการดื่มแต่น้ำผลไม้ และกินแต่อาหารเบาๆ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ติดต่อกัน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสะอาดและสุขภาพดีส่วนพิธีกรฝีปากกล้าอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ งดดื่มไวน์แดงและขนมปังเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้ตัวเองดูเฟิร์มต่อหน้าสาธารณชน และภรรยาสาวของ ทอม ครุยส์-เคที่ โฮล์มส์ เข้าคอร์สดีท็อกซ์อย่างเข้มงวดจนออกมาดูผอมโกรกทั้งนี้ ก็เพื่อเตรียมร่างกายให้ปลอดสารพิษเพื่อรับมือกับการมีลูกคนใหม่ได้
แม้กระแสดีท็อกซ์จะโด่งดังทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทย แต่หลายกระแสกลับท้วงติงว่าการดีท็อกซ์นั้นใช่ว่าจะดีอย่างที่กล่าวอ้างกัน
แล้วดีท็อกซ์คืออะไรกันล่ะ
คำว่า ดีท็อกซ์ ย่อมมาจากคำเต็ม ๆ ว่า Detoxification ซึ่งเป็นวิธีการนำเอาสารพิษออกจากร่างกาย หรือที่คนไทยมักเรียกสั้น ๆ ว่า “การล้างพิษ” แต่เดิมแพทย์แผนโบราณใช้วิธีการดีท็อกซ์หรือสวนล้างลำไส้ เพื่อรักษาโรคหรือการเจ็บป่วยอะไรก็แล้วแต่ อย่างคนป่วยเป็นไข้ก็ควรให้คนไข้ถ่ายอุจจาระออกมา ครั้นระบายออกมาแล้วอาการไข้ลดลง เมื่อคนไข้อาการดีขึ้นก็เข้าใจว่านี่คือการเอาสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น จึงคิดว่าถ้าได้ระบายของเสียออกมามากกว่านี้ โดยอาศัยวิธีสวนล้างอุจจาระ คงช่วยให้ร่างกายเอาสารพิษออกมามากขึ้นไปอีก เหตุนี้การทำดีท็อกซ์จึงปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่เคยมีใครสนใจทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนอย่างตอนนี้
งั้นดีท็อกซ์ทำเพื่ออะไรกันหนอ
อย่างที่บอกว่าการดีท็อกซ์ก็เพื่อทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ให้หมดไป เวลาของเสียต่าง ๆ ถูกขับออกมาไม่หมดจะตกค้างที่ลำไส้ บางครั้งของเสียเหล่านี้จะเกาะติดอยู่ตามผนังของลำไส้จนเป็นตะกรัน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายไม่ออก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ ปวดท้อง ท้องเสีย ปากเปื่อย ปากเหม็น กลิ่นตัวแรง คันตามผิวหนังเป็นแผล เป็นฝี ปวดหัว เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก บางคนอาจเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งริดสีดวงทวาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ
ใช้อะไรเพื่อีดท็อกซ์กันเนี่ย
กว่าจะมาเป็นกาแฟอย่างที่นิยมกันในปัจจุบัน คนในอดีตเคยใช้ทั้งน้ำผึ้ง น้ำชา เหล้า และเบียร์ หรือแม้กระทั่งน้ำสบู่เพื่อสวนล้างลำไส้เอาสารพิษออกมา แต่ภายหลังมีความเชื่อใหม่ว่า การใช้กาแฟซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้ตับขยายตัว แล้วตับนั่นแหละ จะทำหน้าที่ขับสารพิษออกมาได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี มีกระแสหลายเสียงออกมาโต้ว่า การทำดีท็อกซ์ด้วยกาแฟนั้นเป็นเพียงทฤษฏีที่อาจได้ผล หรือไม่ได้ผลก็ได้ เพราะจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่า กาแฟสามารถกำจัดสารพิษออกมาได้จริง และสารพิษตัวไหนที่ถูกขับออกมามากที่สุด
งั้น…เราจำเป็นต้องดีท็อกซ์ทุกคนรึเปล่า
จริง ๆ แล้วการทำดีท็อกซ์เป็นกรรมวิธีทางการแพทย์ ซึ่งต้องทำโดยแพทย์และพยาบาลเท่านั้น เพราะการดีท็อกซ์คือการเอาน้ำใส่เข้าไปในลำไส้ใหญ่แล้วบีบใส่น้ำไป ซึ่งการจะบีบไล่น้ำต้องใช้แรงดัน ฉะนั้น ถ้าทำไม่ถูกวิธี เราอาจใส่น้ำที่มีความเข้มข้นมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ทำให้ปริมาณโชเดียมสูงหรือต่ำเกินไปในกระแสเลือด นอกจากนั้น ถ้าใส่น้ำมากเกินไปจะทำให้ลำไส้มีการโป่งมากขึ้น แล้วใครที่มีโรคอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว และยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัยอาการป่วยมาก่อน ลำไส้อาจแตกหรือทะลุได้ อย่างบางคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคลำไส้โป่งพอง พอทำดีท็อกซ์ก็เท่ากับการหาภยันตรายใส่ตัว ฉะนั้น การทำดีท็อกซ์ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์ที่มีความชำนาญ อย่าทำเองโดยขาดความรู้อย่างถูกต้อง
ปัจจุบันจะเห็นว่ากระแสดีท็อกซ์ออกไปในทางการค้าค่อนข้างมาก สังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่มีหนังสือแนวนี้ออกมามากมาย รวมทั้งดีวีดี วีซีดี งานสัมมนา และการจัดคอร์สเชิงอบรม ฉะนั้น เราควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองดูว่าข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น มีประโยชน์จริง ๆ หรือไม่ เพราะถ้าจะทำจริงๆ ควรทำเป็นครั้งคราวมากกว่าจะทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ
ดีท็อกซ์มีประโยชน์อะไรบ้าง
- ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ และเมื่อสารพิษต่าง ๆ ถูกชะล้างออกไป ลำไส้ก็จะทำงานได้ตามปกติ
- ทำให้ร่างกายสดชื่น เมื่อร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 60-70 เปอร์เซ็นต์ การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ ร่างกายจะดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- บริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ถ้ามีของเสียตกค้างที่ลำไส้มากจะทำให้ลำไส้อ่อนแอลง แต่เมื่อล้างลำไส้แล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น กำจัดของเสียได้มากขึ้น ทำให้ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษในลำไส้
- ทำให้ลำไส้มีขนาดปกติ เพราะถ้ามีของเสียอุดตันในลำไส้ จะทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติและจะทำให้รูปร่างของลำไส้เปลี่ยนแปลงไป เช่น มีอาการบวมหรือโป่ง แต่เมื่อสวนล้างลำไส้เอาสารพิษออกไป จะช่วยให้รูปร่างของลำไส้กลับมาเป็นปกติตามธรรมชาติ
- ทำให้ระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้น เพราะตามปกติแล้วอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทุกส่วนจะทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้ผ่านจุดตอบสนอง ฉะนั้น เมื่อได้สวนลำไส้จะช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้และส่งผลให้ร่างกายโดยรวมทำงานได้ดี เช่น ตับ ถุงน้ำดี ไต ตับอ่อน และต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ
ดีท็อกซ์มีผลข้างเคียงมั้ย
ถ้าไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ เราอาจรู้สึกเหนื่อยอ่อน ปวดหัว ไปจนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ อันมีผลมาจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน เพราะขาดสารอาหารอย่างปัจจุบันทันด่วน นอกจากนั้น ถ้าดีท็อกซ์นาน ๆ เราอาจขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุบางอย่าง ทำให้ภูมิต้านทานของเราลดลง ยิ่งไปกว่านั้นการดีท็อกซ์ไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักในระยะยาว เพราะแรก ๆ ที่น้ำหนักลดนั้นอาจเป็นเพราะเราสูญเสียน้ำ และไขมันในปริมาณมากอย่างปุ๊บปั๊บ แต่พอเวลาผ่านไปร่างกายจะเกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ หรือกลับมาอ้วนหลังจากเลิกดีท็อกซ์ไปแล้ว
ดร.ไมเคิล เฮิร์ต ผู้อำนวยการ The Center for Integrative Medicine กล่าวถึงสาเหตุของคนที่ปวดหัวบ่อย ๆ หรือมีอาการภูมิแพ้ว่าเป็นเพราะนอนไม่พอ ไม่ก็กินน้ำตาลมากเกินไป หรือมีความเครียดจัด ไลฟ์สไตล์แบบนั้นต่างหากที่ทำให้คนมีอาการแบบนี้ ไม่ใช่เพราะสารพิษในร่างกายตามที่อ้างกัน
ดีท็อกซ์กับสวนล้างลำไส้ต่างกันมั้ย
ก่อนอื่นต้องบอกว่าการสวนล้างลำไส้จะไม่ทำกับคนปกติทั่วไป หรือคนที่มีอาการแค่ท้องผูกนิดๆ หน่อยๆ กรณีอย่างนี้แพทย์จะให้กินยาระบายแทน แต่เมื่อท้องผูกมาก ๆ จนถ่ายไม่ออกนั่นแหละ ทางการแพทย์ถึงจะให้มีการสวนล้างลำไส้ อย่างไรก็ดี การสวนล้างลำไส้จะทำกับคนไข้ที่ลำไส้อุดตันหรือถ่ายไม่ออก โดยจะล้างลำไส้เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น ซึ่งตามปกติแล้วแพทย์จะไม่สวนล้างลำไส้อย่างพร่ำเพรื่อ
ครั้นมาถึงคำนิยามระหว่างดีท็อกซ์กับคำว่าสวนล้างลำไส้ คำว่า “ดีท็อกซ์” คือการเอาสารพิษออกจากร่างกาย หลายคนจึงสับสนว่าการสวนล้างลำไส้คงเป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการสวนล้างลำไส้คือ การเอาน้ำใส่เข้าไปในลำไส้แล้วล้างอุจจาระออกมา คนจึงคิดว่าการสวนล้างลำไส้อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเอาสารพิษออกจากร่างกาย เหตุนี้คำสองคำนี้จึงถูกใช้ปะปนกันมาโดยตลอด
กาแฟที่ดีท็อกซ์กับกาแฟ ที่ดื่มเหมือนกันหรือเปล่า
เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากการดื่มเป็นการสวนล้างลำไส้ ซึ่งตามทฤษฏีเชื่อว่าเมื่อลำไส้ดูดซึมกาแฟ ต่อจากนั้น จะส่งต่อไปยังตับ แล้วตับซึ่งเป็นอวัยวะทำลายสารพิษ จะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายต่อไป
เช็กหน่อยซิว่า เราสุขภาพดีมั้ย
- อุจจาระถ่ายออกง่าย
- อุจจาระกลมนิ่มยาว
- อุจจาระไม่เหม็น
- อุจจาระลอยน้ำ
- อุจจาระสีเหลืองอ่อน